xnxx xvideos xnxx xvideos tweensexxx realpornhero Free sex tube Hot porn clips pornags.com Hd porn video Porn new xxx bf video xxx video download xvideos2.com xxx bf video xvideos.com freexxxvideosporn xxxsextresxxx telexxxporn sexporntubexxx xvideos.com pornvixxx xvideos.com bozpornxxx xvideos.com

คุมโอไมครอนอยู่ สสว. คาด MSME ปี 65 โต 3.2 – 5.4%

20220105 Forecast GDp

คุมโอไมครอนอยู่ สสว. คาด MSME ปี 65 โต 3.2 – 5.4%

สสว. คาด สถานการณ์ MSME ในรอบ ปี 2564 เติบโตขึ้น 2.4% คิดเป็นมูลค่ารวม 5.49 ล้านล้านบาท ขณะที่ปี 2565 หากไวรัส “โอมิครอน” ไม่ส่งผลกระทบรุนแรง มาตรการของขวัญปีใหม่ 2565 ของรัฐบาล จะช่วยฟื้นฟูและกระตุ้นระบบเศรษฐกิจช่วยให้ MSME เติบโตไม่น้อยกว่า 3.2 – 5.4% หรือมีมูลค่าประมาณ 5.669-5.789 ล้านล้านบาท

วันที่ 30 ธันวาคม 2564 นายวีระพงศ์ มาลัย ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (สสว.) เปิดเผยว่า สสว. ได้ทำการวิเคราะห์เพื่อสรุปภาพรวมสถานการณ์ของกลุ่มผู้ประกอบการธุรกิจขนาดกลาง ขนาดย่อม และรายย่อย หรือ MSME ปี 2564 พบว่า มีแนวโน้มดีขึ้นต่อเนื่องนับตั้งแต่ไตรมาส 2 เป็นต้นมา เมื่อพิจารณาสถานการณ์ในรอบปีเปรียบเทียบกับปี 2563

คาดว่า GDP MSME จะขยายตัว 2.4% หรือมีมูลค่ารวม 5.49 ล้านล้านบาท คิดเป็น 34.6% ของ GDP รวมของประเทศ สาขาธุรกิจที่ GDP MSME มีการขยายตัวมากที่สุด ได้แก่ ธุรกิจด้านความบันเทิงและนันทนาการ รองลงมาคือ ธุรกิจด้านอสังหาริมทรัพย์ และธุรกิจด้านการศึกษา ส่วนธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องกับการท่องเที่ยว ยังคงลดลง

"การฟื้นตัวของ MSME ในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปี 2564 และต่อเนื่องถึงปี 2565 ปัจจัยบวกมาจากการคลายมาตรการล็อกดาวน์และการเปิดประเทศ การฉีดวัคซีนป้องกัน COVID-19 ได้ครบจำนวน 100 ล้านโดสตามเป้าหมาย รวมถึงมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ ทั้งคนละครึ่ง เราเที่ยวด้วยกัน ฯลฯ ช่วยกระตุ้นให้เกิดการใช้จ่ายในการเดินทางท่องเที่ยงช่วงสิ้นปี ขณะที่นักท่องเที่ยวต่างชาติเริ่มกลับมาเดินทางท่องเที่ยวในประเทศไทยเพิ่มขึ้นแม้ยังไม่กลับไปเท่าช่วงก่อนล็อกดาวน์ก็ตาม แต่ปัจจัยสำคัญที่ต้องจับตาคือการแพร่ระบาดของโอมิครอนว่าจะมีสถานการณ์รุนแรงอย่างไรทั้งในประเทศและต่างประเทศ เพราะจะส่งผลกับนักท่องเที่ยวที่จะตัดสินใจเดินทางมาเยือนประเทศไทยด้วย นอกจากนี้การส่งออกสินค้าไปต่างประเทศมีทิศทางดี โดยคาดว่าหากสามารถรับมือการแพร่ระบาดได้เศรษฐกิจจะปรับตัวดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง"

ในส่วนสถานการณ์ด้านการค้าระหว่างประเทศของ MSME มีแนวโน้มดีขึ้นต่อเนื่อง โดยการส่งออก
ในรอบปี 2564 คาดว่าจะขยายตัวได้ประมาณ 20.0% เมื่อพิจารณาในช่วง 11 เดือนแรกของปี (ม.ค.-พ.ย.) MSME มีการส่งออกคิดเป็นมูลค่ารวม 915,211.9 ล้านบาท ขยายตัว 19.6% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน และคิดเป็นสัดส่วน 11.8% ของมูลค่าการส่งออกรวมของประเทศ ตลาดส่งออกหลักที่สำคัญของ MSME ขยายตัวทุกตลาดโ

โดยเฉพาะจีนที่มีการขยายตัวสูงคิดเป็น 42.5% ขณะที่กลุ่มประเทศอาเซียน สหรัฐอเมริกา ญี่ปุ่น และสหภาพยุโรป ขยายตัว 8.4 % 9.0% 12.6% และ 14.4% ตามลำดับ สำหรับสินค้าส่งออกที่ขยายตัวสูงสุด ได้แก่ อุปกรณ์ไฟฟ้าและส่วนประกอบ 50.0% รองลงมาคือ อัญมณีและเครื่องประดับ ขยายตัว 34.7% นอกจากนี้ยังมีกลุ่มไม้และของทำด้วยไม้ พลาสติกและผลิตภัณฑ์พลาสติก ของทำด้วยเหล็กหรือเหล็กกล้า และผลไม้สด ขยายตัวระหว่าง16.5 – 32.3%

ส่วนการนำเข้าของ MSME ช่วง 11 เดือนแรก (ม.ค. – พ.ย.) มีมูลค่า 1,030,688.3 ล้านบาท ขยายตัว 11.4% คิดเป็นสัดส่วน 13.4% ของมูลค่าการนำเข้ารวมของประเทศ โดยมีสินค้านำเข้าสำคัญ ส่วนใหญ่เป็นเครื่องจักร คอมพิวเตอร์และอุปกรณ์ อุปกรณ์ไฟฟ้าและส่วนประกอบ พลาสติกและผลิตภัณฑ์พลาสติก อัญมณีและเครื่องประดับ และ ของทำด้วยเหล็กหรือเหล็กกล้า

ในด้านจำนวนกิจการและการจ้างงานของ MSME จากข้อมูลของระบบประกันสังคม ตามมาตรา 33 ของสำนักงานประกันสังคม ในรอบปี 2564 เป็นต้นมา แม้จะหดตัวลงตามวิกฤติการแพร่ระบาดของ COVID-19 แต่นับตั้งแต่เดือน ต.ค. เป็นต้นมา สถานการณ์กลับมาขยายตัวเพิ่มขึ้น โดยมีกิจการ MSME เข้าสู่ระบบเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้า คิดเป็น% 6.35 หรือมีจำนวนรวม 421,525 แห่ง ซึ่งสูงที่สุดนับตั้งแต่เกิดวิกฤติการณ์ COVID-19 ตั้งแต่เดือน เม.ย.2563 เป็นต้นมา

เช่นเดียวกับจำนวนการจ้างงาน ที่ขยายตัว 2.47% หรือมีจำนวนการจ้างงานรวม 4,110,021 คน และหากไม่มีผลกระทบจากการระบาดของ COVID-19 ระลอกใหม่ คาดว่าจะมีจำนวนผู้ประกอบการและจำนวนการจ้างงานเข้าระบบประกันสังคมเพิ่มขึ้น

"สถานการณ์ ของ MSME ในปี 2565 หากสามารถควบคุมการแพร่ระบาดของ COVID-19 โอมิครอนได้คาดว่า GDP MSME จะเติบโตระหว่าง 3.2 – 5.4% หรือมีมูลค่าประมาณ 5.669 – 5.789 ล้านล้านบาท โดยมีปัจจัยบวกมาจากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก และเศรษฐกิจประเทศ โดยเฉพาะธุรกิจท่องเที่ยวและธุรกิจที่เกี่ยวเนื่อง ซึ่งคาดว่าจะมีจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติและนักท่องเที่ยวไทยเพิ่มขึ้น 30 – 40% มีรายได้จากการท่องเที่ยว 0.59 ล้านล้านบาท คาดว่าธุรกิจในภาคบริการจะเติบโตระหว่าง 3.4 – 5.8% และธุรกิจที่น่าจับตามองในปี 2565 ได้แก่ ธุรกิจอาหารแปรรูป ธุรกิจให้ความบันเทิง (สันทนาการ) ธุรกิจที่พักแรม ธุรกิจร้านอาหาร ธุรกิจเครื่องสำอาง ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ธุรกิจคลังสินค้า ธุรกิจโมเดิร์นเทรด ธุรกิจโลจิสติกส์ ธุรกิจแปรรูปยางพารา" ผอ.สสว. กล่าว

อย่างไรก็ดี คาดว่ามาตรการกระตุ้นและฟื้นฟูเศรษฐกิจของรัฐบาล ที่จะมีผลบังคับใช้ในปี 2565
ไม่ว่าจะเป็นมาตรการเพิ่มกำลังซื้อ อย่างช้อปดีมีคืน โครงการคนละครึ่ง มาตรการลดภาระผู้ประกอบการ/ประชาชน รวมถึงมาตรการทางการเงิน ในโครงการของขวัญปีใหม่ปี 2565 ของสถาบันการเงินเฉพาะกิจเพื่อเสริมสภาพคล่องและลดค่าใช้จ่าย ฯลฯ จะเป็นส่วนสำคัญที่ช่วยเพิ่มอำนาจซื้อให้กับประชาชน กระตุ้นให้เกิดการบริโภค การค้า การลงทุน ช่วยลดต้นทุนรวมถึงค่าใช้จ่ายส่งผลดีต่อการดำเนินธุรกิจของผู้ประกอบการ MSMEs รวมถึงเศรษฐกิจโดยรวมของประเทศ ให้มีการขยายตัวเพิ่มมากขึ้นต่อไป

 


 ที่มา: ประชาชาติธุรกิจ (30 ธันวาคม 2564)